หลายท่านอาจเคยประสบปัญหาเรื่องการจ้างนักออกแบบกราฟฟิกไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ ฟรีแลนซ์ หรือบริษัทเอเจนซี่ชื่อดังต่างๆ มาสร้างสรรค์ผลงานโฆษณาให้กับท่าน เช่นออกแบบโลโก้ ใบปลิว โบรชัวร์ นามบัตร ป้ายโฆษณา ฉลากสินค้า เว็บไซต์ ฯลฯ อาจมีบางครั้งที่ผลงานที่ออกมาอาจไม่ได้ตรงกับใจเท่าไหร่นัก หรือแก้เท่าไหร่ก็ยังไม่ถูกใจซะที จะว่าไปแล้วมันเหมือนเป็นปัญหาโลกแตกอย่างหนึ่งก็ว่าได้หากเจอเหตุการณ์เช่นนี้

 

 

จากประสบการณ์ของเรา DcreativeIdea ที่ผ่านงานออกแบบมาแล้วหลากหลายและพบเจอกับลูกค้ามากมาย จึงอยากที่จะนำเสนอวิธีที่จะช่วยให้ลูกค้าและนักออกแบบกราฟฟิกทั้งหลายได้ลดปัญหาเหล่านี้ ลดเวลาในการออกแบบแต่ได้ผลงานที่ตรงกับความต้องการมากทีสุด

 

1. ลูกค้าควรมี Concept หรือความต้องการเบื้องต้น

ในการรับงานออกแบบ คุณควรที่จะถามความต้องการเบื้องต้นหรือ Concept จากลูกค้าก่อนเริ่มลงมือออกแบบ บางครั้งลูกค้าอาจมีข้อมูลส่วนนี้อยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร คุณควรสอบถามลูกค้าในสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการออกแบบงาน โดยอาจถามปากเปล่าหรือส่งแบบฟอร์มให้ลูกค้ากรอกข้อมูล เช่น ให้ออกแบบอะไร ขนาดเท่าไหร่ สไตล์ที่ต้องการ โทนสีที่ต้องการ ฯลฯ เป็นต้น   หากคุณลูกค้าเริ่มไม่ถูกว่าจะทำอย่างไร หลังได้รับคำถามจากกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ ลองหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมา แล้วนั่งนึกถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการในงานชิ้นนี้ลงไป นึกอะไรออกเขียนลงไปเลยไม่ต้องคิดมาก ตัวอย่างเช่น โทนสี สไตล์ อยากให้แบรนด์ดูเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบใดบ้าง ส่วนใดต้องการเน้นและสื่อออกไป อยากให้มีอะไรบ้าง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สำคัญมากที่จะช่วยให้นักออกแบบเข้าใจในความต้องการและออกแบบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

 

2. ลูกค้าควรมีแนวการออกแบบที่ชอบมาก่อน

แนวการออกแบบที่ชอบนั้นหาได้ไม่อยากหรอก เพราะเดี๋ยวนี้อยากหาอะไรก็เข้า Google คุณก็จะพบสิ่งที่คุณต้องการแล้วจ้า  ที่พูดเช่นนี้เพราะอยากให้ตัวลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง ได้ทำความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองต้องการเสียก่อนว่าอยากให้ โฆษณา โลโก้ หรือแบรนด์ของท่านมีลักษณะเช่นไร เพราะตัวท่านจะรู้ได้ดีที่สุดว่าจริงๆ แล้วต้องการได้งานลักษณะใด บางครั้งการอธิบายด้วยคำพูดนั้นอาจยังไม่ช่วยให้กราฟฟิกดีไซน์เนอร์เห็นภาพได้ คุณสามารถเข้าไป Search หาแนวงานที่คุณชื่นชอบ แล้วเซฟเก็บมาเพื่อใช้อ้างอิงแนวที่คุณอยากได้ ทั้งนี้การนำรูปมาเป็นตัวอย่างเพื่อใช้ในการอธิบาย ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำการเลียนแบบตัวอย่างงานนั้น แต่มันคือการบอกว่าคุณต้องการงานแนวนี้ต่างหาก เชื่อหรือไม่หากคุณมีรูปของแนวลักษณะงานที่คุณอยากได้ให้กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ มันสามารถช่วยให้ประหยัดเวลาในการอธิบายด้วยคำพูดไปได้มาก และกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ก็เข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการได้มากขึ้นด้วย เห็นไหมละ มีรูปย่อมดีกว่าพูดปากเปล่า

 

3. รวบรวมข้อมูลที่คุณมีแล้วส่งให้นักออกแบบ

หลังจากที่ได้ข้อมูลมาแล้ว คุณสามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ส่งให้นักออกแบบที่คุณเลือกมาแล้วเป็นอย่างดี บางท่านอาจจะไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไร วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ลองดูผลงานของกราฟฟิกดีไซน์ที่ได้นำเสนอผลงานเข้ามา ว่าผลงานของใครดูจะใกล้เคียงกับลักษณะงานที่คุณต้องการมากที่สุด หรือคุณอาจลองส่งลักษณะงานไปให้ดูก็ได้ค่ะ แล้วสอบถามว่าสามารถทำงานแนวนี้ได้ไหมหรือถนัดงานแนวนี้ไหม หากได้นักออกแบบที่ถูกใจมาแล้ว คุณก็ส่งข้อมูลความต้องการที่รวบรวมมาแล้วไปให้นักออกแบบอีกที ซึ่งจะทำให้เข้าใจความต้องการได้ง่ายมากขึ้น  ทั้งนี้ กราฟฟิกดีไซน์บางท่าน อาจจะขอข้อมูลบางอย่างจากลูกค้าเพิ่มเติมก็ได้ เช่น เว็บไซต์บริษัท กลุ่มเป้าหมายของสินค้า ฯลฯ เพื่อช่วยในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทและสินค้ามากขึ้น ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ในการออกแบบงานให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั้งสิ้นค่ะ  

 

จากบทความข้างต้นเป็นเพียงแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าและกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ได้เข้าใจตรงกันว่า งานออกแบบจะดีได้หรือไม่นั้นขั้นตอนการบรีฟข้อมูลเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถใช้ได้กับงานออกแบบหลายประเภททั้ง โลโก้ ใบปลิว โบรชัวร์ ฉลากสินค้า ป้ายโฆษณาและงานออกแบบอื่นๆเป็นอย่างดี    ดังนั้นลูกค้าควรให้ข้อมูลมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนกราฟฟิกดีไซน์เองหากไม่มีหรือขาดข้อมูลส่วนใดก็ต้องถามลูกค้าเพื่อเวลาที่ทำงานจะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่านี่คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการหรือเปล่า หากลูกค้าไม่รู้ว่าต้องการอะไรอย่างไรบ้างก็สามารถสอบถามให้กราฟฟิกดีไซน์เสนอแนวความคิดได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดเวลาขั้นตอนการออกแบบจะได้ไม่ต้องแก้หลายๆ รอบ และได้งานที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด  

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหลายๆ ท่าน แล้วพบกับเนื้อหาสาระความรู้ดีๆ ทางด้านกราฟฟิก ได้ใหม่ใบทความหน้า ขอบคุณค่ะ